การล่วงพ้น(Transcending) = การเป็นตัวของตัวเอง
ยิ่งจิตสามารถมีประสบการณ์ในการกลับคืนสู่บ้าน(coming home) หรือเป็นตัวของตัวเอง มากขึ้นเท่าใด เรายิ่งสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น
มีอาจารย์ผู้รู้แจ้งมากมายตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ได้สอนบทเรียนเดียวกันเกี่ยวกับความสำเร็จในชีวิต: “จงรู้จักตัวเอง” หรือ “จงเป็นตัวของตัวเอง” เราจะเห็นได้ว่า ทั้งสองมีความหมายเดียวกัน อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ การนำหลักการนี้มาใช้นั้นไม่ง่ายซะทีเดียว: มีคนเป็นจำนวนมากมายเลยทีเดียว ที่ตลอดทั้งชีวิตนั้น พวกเขาแทบไม่เคยมีประสบการณ์ในการรู้จักตัวเองเลย
การรู้จักตัวเอง หรือการเป็นตัวของตัวเอง มันหมายความว่าอย่างไร?
ในชีวิตประจำวันของเรานั้น เรามักจะให้ความสนใจกับบางสิ่งนอกเหนือจากตัวเราเอง ไปกับบางสิ่ง เช่นที่เราเห็น ได้ยิน รู้สึก หรือนึกคิด นับตั้งแต่เวลาที่เราตื่นนอนตอนเช้า จนกระทั่งถึงเวลาที่เราเข้านอนในตอนกลางคืน เราอยู่บนขบวนรถไฟแห่งความคิดและมีประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยให้เวลาเพียงเพื่ออยู่กับตัวเองเลย ดังนั้น คนๆหนึ่งตัวผู้รู้ (ตัวฉัน) มักจะไม่เคยรู้จักตัวของเขาเลย
แล้วตัวผู้รู้จะสามารถรู้จักตนเองได้อย่างไร? ก็ด้วยการดึงความสนใจกลับเข้าสู่ภายใน แทนที่จะให้มันออกไปสู่ภายนอกนั่นเอง
จิตจะกลับเข้าสู่ภายใน ก็ต่อเมื่อไม่มีสิ่งใดมาดึงความสนใจของจิตออกไปสู่ภายนอก นั่นหมายความว่า ไม่มีการรับรู้ เราไม่ทำอะไร ไม่มีความคิด มีเพียงแค่ สภาวะของ “การเป็นอยู่” ล้วนๆ คือการเป็นอยู่ของตัวคุณเอง การรู้จักตัวเองก็เหมือนกับการเป็นอยู่ของตัวคุณเองนั่นแหละ
แต่เราจะสามารถไปสู่สภาวะนี้ได้อย่างไรกัน? มันง่ายมากที่จะไม่เห็นหรือไม่ทำอะไรเลย ท่านเพียงแค่นั่งลง และหลับตาเท่านั้น แต่ไม่คิดอะไรเลยงั้นหรือ? ใครก็ตามที่เคยพยายามที่จะไม่คิดอะไรเลยนั้น รู้ดีว่ามันยากมาก เพราะยิ่งท่านพยายามที่จะไม่คิดมากเท่าไร ท่านก็จะยิ่งคิดมากขึ้นเท่านั้น
นี่คือจุดที่การทำสมาธิไปผิดทาง ในการที่คนเริ่มที่จะพยายามไปให้ถึงสภาวะนี้
เทคนิคการฝึกจิตปรมัตถ์สมาธิ(TM) เป็นการค้นพบอีกครั้งหนึ่งของวิธีการแบบโบราณที่เกี่ยวข้องกับแนวทางปฏิบัติที่เป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง และการชี้แนะที่ถูกต้อง คนเราไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้นด้วยซ้ำ จิตจะไปจุดนั้นด้วยตัวของมันเอง โดยธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ และไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เพราะมันไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากการไปถึงจุดนั้น สำหรับจิตแล้ว มันคือสภาวะของการได้กลับคืนสู่บ้าน (ดู ท่านมหาริชีค้นพบวิธีการฝึกจิตแบบTMได้อย่างไร) การที่เทคนิคการฝึกจิตTM เป็นเรื่องง่ายและไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงที่น่าพอใจเท่านั้น มันเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพเพียงหนทางเดียวเท่านั้น ที่จะได้พบกับประสบการณ์ของการเป็นอยู่อย่างแท้จริง
แก่นสำคัญในการสอนทั้งหมดของท่านมหาริชีนั้น มีอยู่ว่า การทำสมาธิที่แท้จริงนั้น มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนเข้าใจกันทุกวันนี้ ว่า “การทำสมาธิ” นั้นคือรูปแบบของการเพ่งสมาธิ หรือการบังคับจิต ถ้าเราพยายามเพียงแค่เล็กน้อย ดังเช่นวิธีการทำสมาธิแบบอื่นๆ ก็เท่ากับว่า เรากำลังทำให้จิตของเราคงสภาพการทำงาน และจริงๆแล้ว มันเป็นการป้องกันจิตจากการล่วงพ้นไปสู่สภาวะของความคิดในระดับละเอียดที่สุด และจากประสบการณ์ของความเงียบที่บริสุทธิ์
ในทางกลับกัน ครูผู้สอนเทคนิค TM ที่ผ่านการฝึกอย่างถูกวิธี สามารถแนะนำใครก็ได้ ให้ไปสู่สภาวะของการล่วงพ้นได้ และฝึกให้บุคคลนั้นปล่อยจิตให้กลับไปสู่จุดนั้นได้ด้วยตัวของมันเอง อย่างเป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์และไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
ผลของการฝึกจิตเช่นนี้ ซ้ำๆอย่างสม่ำเสมอคืออะไร
หากเรามีประสบการณ์ในการเป็นตัวของตัวเองผ่านเทคนิคการฝึกจิตปรมัตถ์สมาธิ(TM) เป็นประจำซ้ำๆ จิตของเราก็จะคุ้นชินกับประสบการณ์นี้ แม้กระทั่งตอนที่เรากลับไปสู่การทำกิจกรรมในแต่ละวันแล้วก็ตาม ท้ายที่สุด เราก็มาถึงสภาวะที่ไม่มีทางจะเลือนหายไปไหน และเราก็จะคงความเป็นตัวเองในทุกๆสภาวะแวดล้อม
การเป็นตัวของตัวเอง เหมือนกับต้นไม้ที่มีรากลึกและลำต้นที่ใหญ่ ไม่ว่าลมจะพัดแรงแค่ไหน ต้นไม้ก็ไม่ขยับเขยื้อน มันไม่ยากเลยที่จะเห็นได้ว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จในทุกๆด้านของชีวิตได้อย่างไร คนที่เป็นตัวของตัวเองจะคงไว้ซึ่งความสงบ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก และจะเผชิญกับความเครียดน้อยกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์มากต่อสุขภาพ พวกเขาไม่เคยถูกสภาวะแวดล้อมต่างๆบั่นทอน และสามารถหาทางออกที่สร้างสรรค์ให้กับปัญหาได้อย่างรวดเร็ว (ความเครียดเป็นตัวกีดขวางความคิดสร้างสรรค์ การเป็นตัวของตัวเองเป็นการปลดปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ได้งอกงามออกมา) พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่า มีแนวโน้มว่าจะมีความขัดแย้งน้อยกว่า และความสัมพันธ์ที่ดีกว่ามาก ชีวิตพัฒนาในทุกๆด้าน (ดู ความสำเร็จ) ที่มากกว่านั้น พวกเขาได้แผ่พลังด้านบวก และคนอื่นๆก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้นเมื่ออยู่รอบข้างคนเหล่านี้
การเป็นตัวของตัวเอง วัดได้อย่างแม่นยำ
การฝึกจิตTM อย่างสม่ำเสมอ เป็นการส่งเสริมการค้นพบตนเองไปสู่ระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
มันง่ายพอสมควรที่จะวัดขอบเขตในการเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแม่นยำ ด้วยบททดสอบการค้นพบตนเอง
จนถึงตอนนี้ ความรู้ทั่วไปด้านจิตวิทยาได้ระบุว่า การค้นพบตนเองได้หยุดพัฒนาการในช่วงวัยรุ่น พร้อมกับความสามารถทางภูมิปัญญาด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเราเริ่มที่จะฝึกจิตTM แล้ว ก็จะเกิดการค้นพบตนเองเพิ่มมากขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับอายุ
การศึกษาค้นคว้านี้ เป็นการวิเคราะห์เชิงอภิมาน จากการวิจัยทั้งหมดเรื่องการค้นพบตนเองด้วยวิธีการทำสมาธิต่างๆ (ทั้งหมด 42 การศึกษาค้นคว้า) การทำสมาธิรูปแบบอื่นๆนั้นให้ผลที่เล็กน้อยมาก (= การค้นพบตนเองที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย) ดังที่คาดหวังกันไว้ อย่างไรก็ตาม ผลโดยเฉลี่ยของ ผู้วิจัยเรื่องการฝึกจิตแบบทรานเซ็นเด็นทั่ล เมดิเทชั่น 18 คน ได้แสดงให้เห็นถึงผลที่โดดเด่นมากกว่า 3 ถึง 4 เท่า (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิจัยนี้ ดู การค้นพบตนเอง) นี่คือความแตกต่างระหว่างแค่การผ่อนคลาย และการทรานเซ็นอย่างแท้จริง เพียงแค่เป็นตัวของตัวเอง เราก็จะกลายเป็นตัวของเราเองมากขึ้นในชีวิตประจำวัน
อับราฮัม มาสโลว์ นักจิตวิทยา ผู้ซึ่งเป็นคนแรกในการพัฒนาแนวคิดเรื่องการค้นพบตนเอง ได้ประมาณการไว้ว่า เพียงแค่ 1-2% ของจำนวนประชากรโดยทั่วไปเท่านั้น ที่จะสามารถหวังว่าจะค้นพบตนเองได้อย่างเต็มที่ เขายังบรรยายไว้อีกว่า บางคนมี “ประสบการณ์ขั้นสูงสุด” ได้อย่างไร ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการพัฒนาในการค้นพบตนเอง ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีระบบที่จะชักจูงให้เกิดประสบการณ์ขั้นสูงสุดเหล่านี้ได้ (คำบรรยายเรื่อง ประสบการณ์การทรานเซ็นสอดคล้องกับคำบรรยายของ อับราฮัม มาสโลว์ เรื่องประสบการณ์ขั้นสูงสุดอย่างใกล้เคียงมาก) ผลลัพธ์มันชัดเจนมาก: การวิจัยอย่างยาวนานเรื่อง TM แสดงให้เห็นว่า หลังจากฝึก TM เป็นเวลา 10 ปี มีการค้นพบตนเอง ในระดับสูงสุดถึง 38%
แต่การเป็นตัวเอง เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆของเรื่องนี้เท่านั้น เพียงแค่เราเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น เราก็จะสามารถค้นพบธรรมชาติที่ลึกซึ้งที่สุดของตัวเรา ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวของเราเองที่สำคัญอย่างยิ่ง แหล่งกำเนิดของทุกชีวิต รวมถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าบุคลิกลักษณะเล็กๆของเราได้
ทำไมเทคนิคที่ง่ายๆเช่นนี้จึงให้ผลที่มากมายได้อย่างไร?
600 การศึกษาวิจัยยืนยันถึงผล
ของTMด้วย: